เทรนด์ของการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เยอะมากในแต่ละเดือน ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ทำให้เราเห็นหลาย ๆ บ้านที่ได้รับประโยชน์จากการติดตั้งโซล่าเซลล์ แต่ด้วยราคาของการติดตั้งที่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ อาจทำให้หลายคนกำลังชั่งใจว่า การติดโซล่าเซลล์คุ้มไหม? จะต้องลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่? และจะต้องใช้เวลานานไหมกว่าจะคืนทุน? ทุกข้อสงสัยที่คุณมีในตอนนี้ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย
ระบบโซล่าเซลล์ หรือบางคนอาจเรียกว่า ระบบโซล่ารูฟท็อป เป็นอุปกรณ์ที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เอาไว้บริเวณหลังคาบ้าน เมื่อมีแสงแดดมาตกกระทบบริเวณแผงโซล่าเซลล์ ก็จะเกิดการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไฟฟ้าที่สร้างได้จากระบบโซล่าเซลล์ ก็จะถูกนำมาใช้ภายในอาคารนั้น ๆ นั่นเอง
การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ใช้ในบ้าน ปัจจุบันนิยมอยู่ 2 แบบคือ “ระบบออนกริด” จะเป็นการสร้างกระแสไฟฟ้าแล้วนำมาใช้งานเลย ใช้ได้เฉพาะช่วงที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น โดยจะใช้ร่วมกับไฟจากการไฟฟ้าได้ และ “ระบบไฮบริด” ราคาค่าติดตั้งจะแพงกว่า เนื่องจากสามารถชาร์จกระแสไฟส่วนเกินเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่ สามารถนำมาใช้ในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ได้อีกด้วย
หากจะให้ประเมินราคาติดตั้งโซล่าเซลล์บ้านนั้นค่อนข้างทำได้ยาก ตามท้องตลาดแล้วราคาค่อนข้างหลากหลาย อาจไม่มีราคากลางที่เฉลี่ยได้ เคล็ดลับการคำนวณง่าย ๆ หากเป็นการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริดทั่วไปแล้วราคาจะค่อนข้างถูกที่สุด หากมีบริการเสริม ค่าประกัน ก็อาจจะเพิ่มมาเล็กน้อย แต่ถ้าติดตั้งแบบไฮบริดที่มีระบบชาร์จไฟเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่ ให้คำนวณบวกค่าแบตเตอรี่กับค่าติดตั้งเข้าไปอีกอย่างน้อย 100,000 บาท จากค่าติดตั้งขั้นต่ำ มาดูกันเลยว่าต้นทุนการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ตอนนี้จะอยู่ที่กี่บาท
ราคาแผงโซล่าเซลล์สำหรับบ้านพักโดยทั่วไป หากมีค่าไฟอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 1,500 บาท ไปจนถึง 3,000 บาท การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ขนาด 3 ถึง 5 kW ก็เพียงพอแล้ว ราคาโดยเฉลี่ยนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 120,000 ถึง 250,000 บาท
สำหรับการติดตั้งเพื่อธุรกิจ ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดของระบบที่ใช้ ในธุรกิจเล็กอาจเริ่มต้นที่ 10 kW ราคาติดตั้งโซล่าเซลล์ก็จะเริ่มต้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300,000 ขึ้นไป หากมีขนาดใหญ่กว่านั้น เป็นโรงงานขนาดใหญ่ อาจต้องการระบบโซล่าเซลล์ขนาด 20 ถึง 100 kW ราคาก็อาจจะพุ่งสูงที่ 600,000 ถึง 4,000,000 บาท เลยทีเดียว
การคำนวณการใช้ไฟฟ้าโซล่าเซลล์นั้นอาจยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอน ส่วนใหญ่แล้วผู้ให้บริการจะมีการการันตีว่า ระบบที่ติดตั้งนั้นจะสามารถลดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนได้ประมาณเท่าไหร่ สำหรับในครัวเรือนทั่วไป หากติดตั้งขนาด 3 ถึง 5 kW ก็จะลดค่าไฟได้ประมาณ 1,500 ถึง 3,000 บาท ต่อเดือน
สำหรับการติดตั้งในธุรกิจขนาดเล็ก ที่ใช้ระบบโซล่าเซลล์ขนาด 10 kW อาจจะลดค่าไฟได้ประมาณ 5,000 ถึง 6,000 บาท โดยประมาณ กรณีเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานที่ใช้เครื่องปรับอากาศทั้งวัน หรือ โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนมากก็จะติดตั้งขนาด 20 kW ขึ้นไป ประหยัดได้อย่างน้อย 12,000 ถึง 15,000 บาท ต่อเดือน
แม้จะมีวิธีการคำนวณจุดคุ้มทุนหลังติดตั้งโซล่าเซลล์ แต่เราต้องขอกล่าวเอาไว้ก่อนเลยว่า เป็นการคำนวณคร่าว ๆ เพียงเท่านั้น เพราะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ยากต่อการคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น ความเข้มข้นของแสงแดดในแต่ละวัน ค่าไฟฟ้าในช่วงเวลานั้น ๆ หรือ ประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าของระบบโซล่าเซลล์ที่คุณติดตั้ง มาดูกันเลยว่ามีวิธีการคำนวณอย่างไร
สำหรับการคำนวณเวลาคืนทุนนั้นไม่ยากเลย ก่อนการติดตั้งโซล่าเซลล์ในทุกวันนี้ ผู้ติดตั้งจะมีการคำนวณคร่าว ๆ ให้ว่า ในแต่ละเดือนนั้นสามารถประหยัดไฟได้เท่าไหร่ โดยมีสูตรคือ “ระยะเวลาคืนทุน” เท่ากับ งบประมาณติดตั้งโซล่าเซลล์ หารด้วย ค่าไฟฟ้าที่ผลิตได้ในแต่ละเดือน เท่านี้เองง่าย ๆ แต่ที่จริงอาจจะมีค่าใช้จ่ายแฝงอีกหลายอย่าง เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าทำความสะอาดแฝง หรือ ค่าซอฟต์แวร์ ซึ่งเราขออนุญาตไม่นำมาคำนวณ เพราะราคาค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ในแต่ละผู้ให้บริการ
ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบโซล่าเซลล์ นอกจากจะนำมาใช้งานเองแล้ว ยังสามารถขายไฟฟ้าที่ผลิตได้กลับเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าได้อีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตให้แล้วเสร็จเสียก่อน อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร เพื่อติดตั้งมิเตอร์แบบ 2 ทาง เมื่อได้ลองคำนวณแล้ว ระหว่างการใช้ไฟฟ้าเอง เปรียบเทียบกับ การขายไฟฟ้ากลับเข้าระบบ ส่วนมากพบว่า การใช้ไฟฟ้าเองจะช่วยให้ไปถึงช่วงคืนทุนได้เร็วกว่า เพราะอัตราการรับซื้อไฟฟ้านั้นยังถือว่าต่ำ เมื่อเทียบกับค่าไฟที่เราต้องจ่ายในปัจจุบัน
ยกตัวอย่าง บ้านหลังหนึ่งติดตั้งในระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด ขนาด 5 kW ค่าติดตั้งอยู่ที่ 160,000 บาท ลดค่าไฟฟ้าได้เดือนเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท เมื่อแทนค่าในสูตรจะได้เท่ากับ
บ้านหลังนี้จะใช้เวลาประมาณ 53 เดือน หรือ ประมาณ 4 ปี 5 เดือน ถึงจะเข้าสู่ช่วงคุ้มทุนจากการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์
ยกตัวอย่าง สำนักงานขนาดกลางติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด ขนาด 20 kW งบประมาณค่าติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 560,000 บาท แต่ละเดือนประหยัดไฟฟ้าลงได้ประมาณ 10,000 บาท
สำนักงานแห่งนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 56 เดือน หรือ ประมาณ 4 ปี 6 เดือน ถึงจะเข้าสู่ช่วงคุ้มทุนของการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์
เชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้อยู่แล้วว่าการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง และได้รู้แล้วว่าสามารถคำนวณช่วงเวลาคืนทุนของการติดตั้งโซล่าเซลล์ได้อย่างไร ต่อจากนี้เราจะมาอธิบายปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้บางคนไปถึงช่วงเวลาคืนทุนได้เร็ว แต่อาจกลับทำให้บางคนไปถึงช่วงคืนทุนได้ช้า จะมีอะไรกันบ้าง ไปชมกันเลย
ต้องเริ่มจากตัวแปรแลกของการคำนวณช่วงเวลาคืนทุน นั่นก็คือเราติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ราคาเท่าไหร่? ถ้าเป็นระบบขนาดเล็กที่ราคาค่อนข้างถูกกว่า ใช่ว่าจะคืนทุนเร็วเสมอไป เพราะระบบยิ่งเล็ก ก็ยิ่งสร้างกระแสไฟได้น้อย ก็จะทำให้คืนทุนได้ช้า แต่จะติดตั้งให้ใหญ่เกินไปก็ไม่ดี ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการใช้ไฟฟ้า
การติดโซล่าเซลล์ลดค่าไฟ ต้องประเมินจากพฤติกรรมการใช้ไฟของผู้อยู่อาศัย เนื่องจากช่วงเวลาที่ระบบโซล่าเซลล์จะผลิตไฟฟ้าได้ดีที่สุด คือช่วงที่แสงแดดเข้มข้น ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 10:00 ถึง 15:00 ของทุก ๆ วัน หากใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลานี้ ก็จะทำให้ดึงไฟฟ้าจากระบบโซล่าเซลล์มาใช้ ลดการดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้ ทำให้ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น
แน่นอนว่าค่าไฟย่อมเป็นหนึ่งในปัจจัยในการคำนวณ ยิ่งค่าไฟในช่วงนั้นแพงเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าการติดตั้งโซล่าเซลล์ ช่วยประหยัดค่าไฟได้มากเท่านั้น สรุปโดยง่ายก็คือ ในช่วงไหนที่ค่าไฟสูง จะทำให้สามารถไปถึงจุดคืนทุนได้เร็วมากขึ้น แต่ถ้าค่าไฟต่อหน่วยถูกลง ก็จะทำให้ถึงจุดคืนทุนได้ช้า
ในอดีตเคยมีสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ ที่ช่วยทำให้ได้รับประโยชน์จากการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ เช่น โครงการ Net Metering สำหรับการขายไฟฟ้าคืนสู่ระบบ หรือ สิทธิประโยชน์ในด้านลดหย่อนภาษี สำหรับธุรกิจที่ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ในฐานะที่เป็นค่าลงทุนเพื่ออนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น
ปัจจัยสุดท้ายคือคุณภาพของอุปกรณ์ภายในระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งที่ถูกต้องอีกด้วย หากอุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มุมตกกระทบของแสงแดดเหมาะสม ไม่มีอะไรมาบดบังในช่วงที่แสงแดดเข้มข้นที่สุดในทุก ๆ วัน ก็จะทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มาก และถ้าระบบมีความคงทนแข็งแรง มีการรับประกันหลัง และบริการหลังการขาย ก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ใช้กับการบำรุงรักษาลดน้อยลงอีกด้วย
คุณอาจจะเคยได้ยินว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุนต้องคิดให้ดี แนวคิดเช่นนี้อาจใช้ไม่ได้สำหรับการลงทุนเพื่อติดตั้งโซล่าเซลล์ เพราะการใช้เงินไปกับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งโซล่าเซลล์ แทบจะไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย หลังจากติดตั้งไปแล้วก็เหมือนจะค่อย ๆ ได้เงินคืนมาเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดคืนทุนเมื่อไหร่ หลังจากนั้นก็เหมือนเป็นกำไรกินเปล่า อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาบ้างระหว่างทาง แต่ก็ไม่ได้สูงอะไร
เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณเริ่มรู้สึกว่าค่าไฟฟ้าที่จ่ายในทุก ๆ เดือน เป็นภาระที่หนักหนาเกินไป อยากจะลดภาระนี้ให้น้อยลง ในตอนนั้นคุณก็จะเป็นอีกหนึ่งคนที่ควรลงทุนกับการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเหมาะกับระบบโซล่าเซลล์แบบไหน เช่น หากใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันมาก ก็ควรใช้ในระบบออนกริด แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์เพียงพอ และใช้ไฟฟ้าแทบจะตลอดทั้งวัน ก็แนะนำเป็นแบบไฮบริด จะคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า
ในเมื่อเราต้องเผชิญกับแสงแดดที่ร้อนแรงเช่นนี้ในทุก ๆ วัน จนเป็นเรื่องชินชา คงไม่ต้องหาคำตอบอีกแล้วว่าการติดแผงโซล่าเซลล์คุ้มไหม? แน่นอนว่าในระยะยาวไม่ว่าอย่างไรก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะคุ้มค่าเร็วแค่ไหนเท่านั้นเอง
หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้คุณเจอกับจุดคุ้มทุนโดยเร็วที่สุด คือการเลือกใช้บริการจากบริษัทติดตั้งโซล่าเซลล์ที่มีความรู้ ความชำนาญ และ มีประสบการณ์จริง นั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่คุณควรเลือกใช้บริการของ Energy Reform Solar ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโซล่าเซลล์โดยแท้จริง เราพร้อมให้ความช่วยเหลือ ตั้งแต่ ให้คำปรึกษา การออกแบบ การติดตั้ง และ ให้บริการหลังการขาย ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานระดับสากล พร้อมดำเนินการด้วยทีมงานมืออาชีพ ออกแบบระบบได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งสำหรับครัวเรือน หรือติดตั้งสำหรับธุรกิจเราก็พร้อมให้บริการทุกรูปแบบ เรามีลูกค้าที่ไว้วางใจเรามากมาย หากสนใจติดตั้ง Solar Rooftop กับ Energy Reform Solar สามารถติดต่อเราได้เลย